การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้การนำของนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งภายหลังจากการประชุมหัวหน้าส่วนราชการและองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ครั้งที่ 2/2567 นางสาวสุดาวรรณได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมปรับแผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้มีการหารือและรายงานความคืบหน้าของแผนการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
จากการประชุมครั้งนี้ สิ่งที่สำคัญคือการสร้างกระทรวงวัฒนธรรมให้เป็นกระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ โดยการนำอัตลักษณ์พื้นถิ่น ทุนทางวัฒนธรรม และมรดกภูมิปัญญามาพัฒนาเป็นแหล่งเศรษฐกิจหมุนเวียน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งรัดการดำเนินการให้เสร็จทันตามกำหนดการ เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามแผน
นางสาวสุดาวรรณได้กล่าวถึงแผนการผลักดันนโยบายที่สำคัญในด้านการพัฒนาวัฒนธรรม ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอแผนการส่งเสริมประเพณีต่างๆ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน ตัวอย่างเช่น ในเดือนตุลาคมจะมีการส่งเสริมประเพณีบุญกระธูป ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นที่จัดขึ้นในช่วงออกพรรษา การส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีนี้จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ และเชื่อมโยงกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมให้กลายเป็นทรัพยากรที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น
ในประเพณีบุญกระธูปนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การจัดนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับประเพณีบุญกระธูป การสาธิตกระบวนการทำกระธูป และการแสดงผลงานจากการอบรมเชิงปฏิบัติการ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำโครงการถนนสายกระธูป (กระธูปหรรษา) เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์วัฒนธรรมและสร้างความสนุกสนานไปพร้อมกัน
อีกหนึ่งนโยบายที่น่าสนใจคือการสานต่อโครงการเปิดพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานยามค่ำคืน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว โดยการเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมโบราณสถานในยามค่ำคืน แสงไฟที่กระทบโบราณสถานจะสร้างบรรยากาศที่งดงามและมีเสน่ห์ ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของไทย แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น
กรมศิลปากรได้รายงานว่ากำลังดำเนินการร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจัดโครงการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน โดยมีโบราณสถานที่สำคัญ 4 วัด และ 1 วัง ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กิจกรรมดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ และยังเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการท่องเที่ยว
นโยบายในการผลักดันกระทรวงวัฒนธรรมสู่การเป็นกระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ นับว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน การนำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาให้เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน จะช่วยส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นมีรายได้และสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจผ่านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา แนวคิดนี้ยังสามารถต่อยอดสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมและมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงวัฒนธรรมให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือกันในการปรับแผนการดำเนินงานให้ตรงตามเป้าหมายและทันตามกรอบเวลา โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการงบประมาณที่ต้องมีการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผน หากหน่วยงานใดได้รับงบประมาณเพิ่มเติมจะต้องดำเนินการให้ทันตามกำหนดการที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม นโยบายการพัฒนาวัฒนธรรมและการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่กระทรวงวัฒนธรรมได้วางแผนไว้นั้น เปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการสร้างรายได้ผ่านการอนุรักษ์วัฒนธรรม นับเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของชุมชน และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลก
นโยบายและโครงการต่างๆ ของกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกนำเสนอและหารือในที่ประชุมนี้ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมทั้งการผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนจากทุนทางวัฒนธรรม ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนและประเทศชาติในระยะยาว
โย ประเด็นรัฐ