Home » “ชป.ป้องน้ำเค็มรุกลุ่มน้ำบางปะกง ช่วยชาวแปดริ้ว-ปราจีนฯ มีน้ำอุปโภคบริโภคและเกษตรกรรม”
chonlapratan-bangpakong-saline
chonlapratan-bangpakong-saline
www.pradenrath.com
chonlapratan-bangpakong-saline

กรมชลประทานเร่งดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำในลุ่มน้ำบางปะกง ซึ่งเป็นภัยสำคัญที่อาจกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและปราจีนบุรี โดยล่าสุด ได้เตรียมระบายน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก เพื่อเสริมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ําคลองสียัดและอ่างเก็บน้ําคลองระบม จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 15-17 ธันวาคม 2567 ตามข้อมูลการคาดการณ์ของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการควบคุมค่าความเค็มให้เหมาะสมสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตรกรรมในพื้นที่ดังกล่าว

chonlapratan-bangpakong-saline

สำนักงานชลประทานที่ 9 รายงานว่า ระดับน้ำในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำบางปะกง โดยเฉพาะในแม่น้ำปราจีนบุรี มีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงส่งผลให้ค่าความเค็มในพื้นที่ใกล้จุดควบคุมที่ 1 บริเวณเขื่อนบางปะกง เพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 พบค่าความเค็มสูงสุดอยู่ที่ 1.33 กรัมต่อลิตร ซึ่งเกินเกณฑ์ควบคุมค่าความเค็มจุดควบคุมที่ 1 ที่กำหนดไม่เกิน 1 กรัมต่อลิตร ทั้งนี้ การควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกงเป็นเป้าหมายสำคัญในการป้องกันผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำบางปะกงที่ใช้แม่น้ำเป็นแหล่งน้ำหลักในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพ

chonlapratan-bangpakong-saline

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว สำนักงานชลประทานที่ 9 ได้ปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยเดิมวางแผนจะเริ่มระบายน้ำในช่วงวันที่ 1-31 มกราคม 2568 แต่เนื่องจากค่าความเค็มเริ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงได้เริ่ม ระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 14-19 ธันวาคม 2567 ในอัตรา 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน รวมปริมาณน้ำทั้งสิ้น 31 ล้านลูกบาศก์เมตร หลังจากนั้น จะกลับมาระบายน้ำอีกครั้งในช่วงวันที่ 1-26 มกราคม 2568 ในอัตราเดียวกัน

chonlapratan-bangpakong-saline

มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2567/2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อชะลอน้ำเค็มและรักษาระดับค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ต้องพึ่งพาแหล่งน้ำดังกล่าวในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรกรรม

กรมชลประทานยังได้ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นและโครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมมือกันประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการควบคุมความเค็มในลุ่มน้ำบางปะกง และขอความร่วมมือจากประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ โดยเฉพาะการงดรับน้ำจากแม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำปราจีนบุรีในช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุด เพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์น้ำผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจและความตระหนักรู้ในวงกว้าง

chonlapratan-bangpakong-saline

นอกเหนือจากการจัดการปัญหาน้ำเค็มในลุ่มน้ำบางปะกงในช่วงฤดูแล้งนี้ กรมชลประทานยังได้เตรียมการรับมือในระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต รวมถึงการศึกษาแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม เช่น การสร้างระบบป้องกันน้ำเค็มที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกง และการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

ในขณะเดียวกัน ภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเค็มก็ต้องมีการปรับตัว เช่น การเลือกปลูกพืชที่ทนเค็ม การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูก และการใช้ระบบชลประทานแบบประหยัดน้ำ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาน้ำเค็มในอนาคต

chonlapratan-bangpakong-saline
chonlapratan-bangpakong-saline

การป้องกันน้ำเค็มรุกลุ่มน้ำบางปะกงในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างของความพยายามในการบริหารจัดการน้ำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ความร่วมมือระหว่างกรมชลประทาน หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้มาตรการดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จ ไม่เพียงแต่ในฤดูแล้งปีนี้ แต่ยังรวมถึงการเตรียมการเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำเค็มในระยะยาว เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกงมีน้ำใช้เพียงพอและปลอดภัยสำหรับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   

>>> กรมส่งเสริมการเกษตรแนะวิธีป้องกันน้ำเค็มรุกเข้าสวน <<<

โย ประเด็นรัฐ